ประโยชน์ของสี สีเป็นวัสดุสิ้นเปลือง มีคุณสมบัติแตกต่างกันตามชนิด และลักษณะของการใช้งาน ซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก ส่วนมากแล้ว เรามักจะเข้าใจกันโดยผิวเผินว่าสีเป็นที่นิยมใช้หรือเหมาะสำหรับการตกแต่ง เช่น การใช้สีกับเสื้อผ้า หรือการใช้สีทำการทาตกแต่งบ้าน แต่จริง ๆ แล้วเราได้มีการนำสีมาใช้ในแง่มุมต่าง ๆ อีกมากมาย อาทิเช่น นำมาใช้ในลักษณะของการป้องกัน เช่น ใช้ทาเพื่อป้องกันการกัดกินจากแมลงหรือมด ใช้ทาป้องกันเพื่อให้ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ป้องกันการเกิดสนิม เป็นต้น และมีการนำสีมาใช้เป็นสัญญาลักษณ์ต่าง ๆ เช่น สัญญาณไฟจราจร ใช้สีเพื่อแสดงความปลอดภัย และอันตรายในโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ |
สีทำให้เกิดความอบอุ่น การเร่งเร้า และระมัดระวัง เมื่อทาหรือแสดงไว้ ณ จุดใด จะเป็นที่รับรู้ และเข้าใจกันโดยทั่วไป จึงนับได้ว่าเป็นภาษาสากลอีกชนิดหนึ่ง จึงทำให้เกิดการเร้าจิตใจมนุษย์ ยิ่งนักเมื่อได้มองเห็น |
ประโยชน์ของสีจึงมีมากมายหลายประการดังต่อไปนี้ |
|
สมบัติที่ดีของสี |
|
งานสี
วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ประโยชน์ของสี
ขั้นตอนในการทำสีรถยนต์
ขั้นตอนในการทำสีรถ ในการทำสีรถยนต์นั้น ถ้าจะให้ได้งานที่มีคุณภาพ นอกจากต้องใช้สีที่มีคุณภาพสูงแล้ว ขั้นตอนการพ่นสีก็ต้องพิธีพิถันและปราณีตด้วย ต้องระมัดระวังทั้งเรื่องความสะอาด อุณหภูมิ เวลาที่ใช้ในการพ่น และ รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ซึ่ง ช่างที่ชำนาญการและมีความใส่ใจในการพ่นจะให้ความสำคัญในทุกๆ ขั้นตอนซึ่งขั้นตอนของการพ่นสีรถยนต์ คือ
1. ทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณที่เป็นแผลด้วยน้ำยาทำความสะอาด เพื่อเก็บครบไขมันและสิ่งตกค้าง
2. เปิดปากแผลด้วยเครื่องขัดหัวกลม
3. ใช้ปื่นเป่าลมทำความสะอาดชิ้นงานและเช็ดด้วยน้ำยา
4. โป้วสีลงบนชิ้นงานตามสภาพความเสียหาย ประมาณ 3-4 เที่ยว เพื่อสีโป้วเกาะติดกับชิ้นงาน
5. อบสีโป้วด้วยเครื่องอบอินฟาเรด ระยะห่างจากชิ้นงาน 60 – 70 cm. ใช้เวลา 5 นาที ที่ความร้อน 70 – 80 Cและปล่อยให้แห้งที่อุณหภูมิทั่วไป รอสีโป้วเย็นตัวลง 5 นาที
6. ขัดเปิดหน้าสีโป้วและปรับสีผิวสีโป้วให้เรียบเสมอชิ้นงาน และทำความสะอาดพื้นผิวที่ขัด
7. พ่นสีรองพื้น 2-3 เที่ยว เพื่อป้องกันไม่ให้สีพื้นซึม โดยแต่ละเที่ยวต้องทิ้งช่วง 2-3 นาที
8. อบสีรองพื้นในห้องอบโดยใช้เวลา 12 นาที
9. ขัดหน้าเปิดสีรองพื้น และตรวจสอบความเรียบ
10. ใช้ปืนเป่าลมทำความสะอาด และเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยา
11. ใช้แสงไป Day Light ความสว่าง 1500 Lux ตรวจความเรียบของชิ้นงานก่อนส่งพ่นสีจริง
12. พ่นสีจริงเที่ยวแรก โดยให้กลบชิ้นงานก่อน 50 – 70%
13. พ่นสีจริงเที่ยวที่สอง โดยให้กลบชิ้นงาน 100% ทิ้งระยะ ก่อนจะพ่นสีจริงครั้งสุดท้าย
14. ตรวจสอบดฉดสีที่ได้ว่าตรงกับสีที่ต้องการ
15. อบแห้ง ที่อุณหภูมิ 60 C เป็นเวลา 30 นาที หรืออบอินฟาเรด 10 นาที
16. พ่นสีเคลียกลบชิ้นงาน 2 เที่ยว
17. รอให้ชิ้นงานเย็นตัวก่อนนำออกจากห้องพ่น ขัดแต่งด้วยน้ำยาขัดเงา
18. ตรวจสอบงานก่อนส่งมอบ
เพิ่มเติม
1. ทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณที่เป็นแผลด้วยน้ำยาทำความสะอาด เพื่อเก็บครบไขมันและสิ่งตกค้าง
2. เปิดปากแผลด้วยเครื่องขัดหัวกลม
3. ใช้ปื่นเป่าลมทำความสะอาดชิ้นงานและเช็ดด้วยน้ำยา
4. โป้วสีลงบนชิ้นงานตามสภาพความเสียหาย ประมาณ 3-4 เที่ยว เพื่อสีโป้วเกาะติดกับชิ้นงาน
5. อบสีโป้วด้วยเครื่องอบอินฟาเรด ระยะห่างจากชิ้นงาน 60 – 70 cm. ใช้เวลา 5 นาที ที่ความร้อน 70 – 80 Cและปล่อยให้แห้งที่อุณหภูมิทั่วไป รอสีโป้วเย็นตัวลง 5 นาที
6. ขัดเปิดหน้าสีโป้วและปรับสีผิวสีโป้วให้เรียบเสมอชิ้นงาน และทำความสะอาดพื้นผิวที่ขัด
7. พ่นสีรองพื้น 2-3 เที่ยว เพื่อป้องกันไม่ให้สีพื้นซึม โดยแต่ละเที่ยวต้องทิ้งช่วง 2-3 นาที
8. อบสีรองพื้นในห้องอบโดยใช้เวลา 12 นาที
9. ขัดหน้าเปิดสีรองพื้น และตรวจสอบความเรียบ
10. ใช้ปืนเป่าลมทำความสะอาด และเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยา
11. ใช้แสงไป Day Light ความสว่าง 1500 Lux ตรวจความเรียบของชิ้นงานก่อนส่งพ่นสีจริง
12. พ่นสีจริงเที่ยวแรก โดยให้กลบชิ้นงานก่อน 50 – 70%
13. พ่นสีจริงเที่ยวที่สอง โดยให้กลบชิ้นงาน 100% ทิ้งระยะ ก่อนจะพ่นสีจริงครั้งสุดท้าย
14. ตรวจสอบดฉดสีที่ได้ว่าตรงกับสีที่ต้องการ
15. อบแห้ง ที่อุณหภูมิ 60 C เป็นเวลา 30 นาที หรืออบอินฟาเรด 10 นาที
16. พ่นสีเคลียกลบชิ้นงาน 2 เที่ยว
17. รอให้ชิ้นงานเย็นตัวก่อนนำออกจากห้องพ่น ขัดแต่งด้วยน้ำยาขัดเงา
18. ตรวจสอบงานก่อนส่งมอบ
เพิ่มเติม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)